หลังจากที่ iPad Pro 2020 เปิดตัวไม่นาน ทาง Apple ก็ประกาศตัวเองว่ามีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปไกลที่สุด นั่นเพราะ iPad Pro ตัวใหม่นี้ ได้ติด Sensor ที่เรียกว่า LiDAR มากับกล้องด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่า เจ้า LiDAR Sensor นี้ มันทำงานยังไง
……
ก่อนจะถึงไปถึง LiDAR เรามารู้จักว่า เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง มีอะไรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายบ้าง ?
1. Laser ใช้ลักษณะของการยิงแสงเลเซอร์ไปตกกระทบที่วัตถุ เป็นลักษณะเส้นๆ เมื่อมีการสะท้อนกลับมาก็จะเทียบระยะเวลาตอนยิง เมื่อเราเทียบเวลาในการเริ่มยิง เทียบกับเวลาตอนรับแสงสะท้อนกลับมา เราก็จะรู้ระยะเวลาในการเดินทางของแสง แล้วเอาความเร็วแสงมาคำนวณแบบง่ายๆว่า ระยะเวลาเท่านี้ แสงเดินทางไปกลับรวมเป็นระยะทางเท่าไหร่
……
2. Ultrasonic ทำงานคล้ายกับ Laser แต่จะใช้คลื่นเสียง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักของเรือดำน้ำ ในการหาระยะของสิ่งกีดขวาง หรือ วัตถุต่างในระยะที่ไกลมากๆ และเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย มีประโยชน์หลากหลาย ซึ่งเราอาจจะเคยได้ยินว่า Tesla หรือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มักจะใช้ ultrasonic ในการเป็นหูเป็นตารอบๆคัน ให้รู้ว่ามีอะไรอยู่ใกล้ๆรถเราบ้าง
……
3. Infrared เป็นลักษณะการกระจายแสงออกไปตกกระทบที่วัตถุ แล้วมีตัวรับแสงแบบพิเศษอีกตัว เพื่อใช้ในการตรวจสอบแสงที่สะท้อนกลับมา ซึ่งมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจหลายๆตัวที่นำ infrared ไปใช้เป็นพื้นฐานในการตรวจจับวัตถุ เช่น กล้อง Microsoft Kinect เมื่อเราลองใช้กล้อง infrared ถ่ายภาพดู จะเห็นในลักษณะประมาณนี้
……
เมื่อวัตถุอยู่ใกล้ ก็จะเห็นดวงของ IR ใหญ่ อันไหนเล็กก็จะบ่งบอกว่าอยู่ไกลกว่า เพียงเท่านี้ วิศวกรของ Microsoft ก็สามารถสร้าง driver ในการแปลงสิ่งที่เห็น ให้เป็นการตรวจจับวัตถุได้แล้ว….
……
โม้มานาน เข้าเรื่อง LiDAR ได้แล้วพี่ !!!
55555 ก็ก่อนจะมารู้จัก LiDAR เราก็ต้องมารู้จักพื้นฐานก่อนสิ ไม่งั้นจะไม่เข้าใจนะ ^_^
LiDAR = Light Detection And Ranging
คือ การใช้แสดงในการตรวจจับวัตถุและวัดระยะของวัตถุ จริงๆแล้ว LiDAR ไม่ใช่อะไรใหม่เลย มันถูกใช้ในโลกเรามากว่า 50 ปีแล้ว ในหมู่นักวิจัยต่างชาติได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการตรวจจับวัตถุ และวัดระยะอยู่ตลอด เพียงแต่วันนี้ มันแปลกที่ มันสามารถมาอยู่บน Smart Device ได้แล้ววว !!!
แล้วมันมีมานานมากแล้ว ทำไมถึงไม่เอามาใส่มือถือตั้งนานแล้วล่ะ ??
ตอบสั้นๆเลย “ไฟไม่พอ”
แค่นี้ก็เล่นเกมกันแทบจะไม่ได้แล้ว ถ้าเอาเทคโนโลยีพวกนี้มาใช้ ไหนจะต้อง ใช้ Processor ประมวลผลหนักขึ้น ก็ต้องใช้ไฟเยอะขึ้น แบตก็จะหมดเร็ว เป็นเราคงไม่ติดมาหรอก จริงมะ
ซึ่งหลักการทำงานของ LiDAR ก็คือหลักการทำงาน จะใช้หลักการส่ง Laser ที่มีความยาวคลื่นสูง สแกนไปทั่วๆในระยะ เพื่อตรวจหาวัตถุ และแยกแยะพื้นที่ได้แม่นยำ
ซึ่งทาง Apple ก็ได้นำมาใช้ได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว ไม่ว่าจะนำไปใช้ในการทำ Scanner ห้อง หรือการทำ Action Recognition ของคน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่น่าจะทำให้เทคโนโลยี AR กลับมาสนุกสนาน ตื่นเต้นได้มากเลยทีเดียว